สถาบันอัญมณีฯเผยความคืบหน้าโครงการ “อีสานเดิ้น” ล่าสุดผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับในพื้นที่อีสานใต้ 5 จังหวัด แห่สมัครเข้าร่วมทะลุเป้า 329 ราย ส่งทีมไปอบรมแล้ว กำลังคัดที่เด็ดจริงเข้ากรุงเทพฯ 20 ราย เวิร์กชอปเข้ม พัฒนาสินค้าต้นแบบ ก่อนผลิตเป็นสินค้าจริง และช่วยผลักดันจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออก
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาเครื่องประดับชนเผ่า เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมแห่งดินแดนอีสานใต้ (อีสานเดิ้น) ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับในพื้นที่ 5 จังหวัดอีสานใต้เป้าหมาย ได้แก่ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา และอุบลราชธานี สมัครเข้าร่วมโครงการมากถึง 329 ราย
จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 200 ราย และ GIT ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จัดการฝึกอบรมครบทั้ง 5 จังหวัดแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่น มีอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ให้เหลือ 20 ราย ก่อนที่จะช่วยพัฒนาเชิงลึกต่อไป
โครงการอีสานเดิ้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการท้องถิ่น มีคนสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก หลังจากเปิดตัวชี้แจงโครงการผ่านทางออนไลน์ จากนั้น GIT ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปฝึกอบรมผู้ประกอบการครบทุกจังหวัดแล้ว กำลังจะคัดเลือกมา 20 ราย เพื่อมาทำเวิร์กชอปที่กรุงเทพฯ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานกับผู้เชี่ยวชาญ และนักออกแบบแถวหน้าของประเทศ เพื่อพัฒนาและออกแบบเครื่องประดับต้นแบบที่มาจากแนวคิดสร้างสรรค์ และอัตลักษณ์ของอีสานใต้
สำหรับผลงานต้นแบบที่ผลิตได้ จะถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายจริง และทาง GIT จะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ โดยมีช่องทางออนไลน์ เช่น ที่ TEMP Pop-Up Store by GIT และนำไปจัดแสดงภายในงานแสดงสินค้า เช่น งานบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำตลาดต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ GIT ได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาค (Gems Treasure) จำนวน 15 จังหวัด มีผู้ผ่านการอบรมกว่า 1,300 ราย และสามารถผลิตชิ้นงานเครื่องประดับต้นแบบได้กว่า 30 คอลเลกชัน และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายให้กับผู้ผลิตในท้องถิ่น และหลายรายสามารถขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด GIT ได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ปรึกษา ชื่อว่า “CARAT” (กะรัต) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในภูมิภาคได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ โดยสถาบันได้จัดผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทั้งด้านอัญมณี โลหะมีค่า และการออกแบบ พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแอปพลิเคชันดังกล่าวเปิดให้ดาวน์โหลดแล้วผ่านระบบ IOS และ Android
นางดวงกมล เจียมบุตร ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาเครื่องประดับชนเผ่า เอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมแห่งดินแดนอีสานใต้ (อีสานเดิ้น) ว่า ขณะนี้มีผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับในพื้นที่ 5 จังหวัดอีสานใต้เป้าหมาย ได้แก่ ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครราชสีมา และอุบลราชธานี สมัครเข้าร่วมโครงการมากถึง 329 ราย
จากเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 200 ราย และ GIT ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่จัดการฝึกอบรมครบทั้ง 5 จังหวัดแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีความโดดเด่น มีอัตลักษณ์ของท้องถิ่น ให้เหลือ 20 ราย ก่อนที่จะช่วยพัฒนาเชิงลึกต่อไป
โครงการอีสานเดิ้นได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ประกอบการท้องถิ่น มีคนสนใจเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก หลังจากเปิดตัวชี้แจงโครงการผ่านทางออนไลน์ จากนั้น GIT ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ไปฝึกอบรมผู้ประกอบการครบทุกจังหวัดแล้ว กำลังจะคัดเลือกมา 20 ราย เพื่อมาทำเวิร์กชอปที่กรุงเทพฯ มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานกับผู้เชี่ยวชาญ และนักออกแบบแถวหน้าของประเทศ เพื่อพัฒนาและออกแบบเครื่องประดับต้นแบบที่มาจากแนวคิดสร้างสรรค์ และอัตลักษณ์ของอีสานใต้
สำหรับผลงานต้นแบบที่ผลิตได้ จะถูกนำไปผลิตเป็นสินค้าเพื่อจำหน่ายจริง และทาง GIT จะช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้ โดยมีช่องทางออนไลน์ เช่น ที่ TEMP Pop-Up Store by GIT และนำไปจัดแสดงภายในงานแสดงสินค้า เช่น งานบางกอกเจมส์ แอนด์ จิวเวลรี่ แฟร์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำตลาดต่างประเทศ
ก่อนหน้านี้ GIT ได้จัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับในภูมิภาค (Gems Treasure) จำนวน 15 จังหวัด มีผู้ผ่านการอบรมกว่า 1,300 ราย และสามารถผลิตชิ้นงานเครื่องประดับต้นแบบได้กว่า 30 คอลเลกชัน และประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มยอดจำหน่ายให้กับผู้ผลิตในท้องถิ่น และหลายรายสามารถขยายตลาดออกไปยังต่างประเทศได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด GIT ได้พัฒนาแอปพลิเคชันที่ปรึกษา ชื่อว่า “CARAT” (กะรัต) เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในภูมิภาคได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ โดยสถาบันได้จัดผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ทั้งด้านอัญมณี โลหะมีค่า และการออกแบบ พร้อมให้บริการอย่างครบวงจร ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งแอปพลิเคชันดังกล่าวเปิดให้ดาวน์โหลดแล้วผ่านระบบ IOS และ Android
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น