นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีทำลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้ว โดยกรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร และกรมสอบสวนคดีพิเศษ จัดขึ้นในรูปแบบเสมือนจริงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
นายวีรศักดิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ซึ่งของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วจะต้องนำมาทำลายอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำกลับไปหมุนเวียนในท้องตลาดหรือนำกลับมาใช้ได้อีก
นอกจากนี้ ของละเมิดบางรายการยังเป็นอันตรายหรือคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคอีกด้วย สำหรับพิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา
ในปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการเชิญผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 90 แห่งร่วมเป็นสักขีพยานและมีส่วนร่วมในพิธีดังกล่าวผ่านทางโปรแกรม Zoom โดยได้ดำเนินการถ่ายทอดสดบรรยากาศการทำลายสินค้าละเมิดจากสถานที่ทำลายของกลางในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดสระบุรี มายังกระทรวงพาณิชย์ จังหวัดนนทบุรี
นายวีรศักดิ์ ย้ำว่าการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญและจะดำเนินการอย่างจริงจังและต่อเนื่องต่อไป ทั้งนี้ รัฐบาลขอความร่วมมือประชาชนไม่ส่งเสริมการซื้อขายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งหากพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายละเมิด สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่ กองป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 02-547-4702
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ในปีนี้มีของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วที่จะต้องนำมาทำลายทั้งสิ้น 785,376 ชิ้น ประกอบด้วยสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ แผ่นซีดี/วีซีดี แว่นตา เครื่องสำอาง หมวก ผ้าห่ม เป็นต้น โดยเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 293,310 ชิ้น กรมศุลกากร จำนวน 285,842 ชิ้น และกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 206,224 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายโดยรวมประมาณ 354 ล้านบาท
นายวีรศักดิ์ เปิดเผยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเป็นอย่างยิ่ง โดยมีการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชนเจ้าของสิทธิ เดินหน้าปราบปรามการละเมิดอย่างจริงจัง ซึ่งของกลางในคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วจะต้องนำมาทำลายอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำกลับไปหมุนเวียนในท้องตลาดหรือนำกลับมาใช้ได้อีก
นอกจากนี้ ของละเมิดบางรายการยังเป็นอันตรายหรือคุณภาพไม่ได้มาตรฐาน อาจส่งผลเสียต่อผู้บริโภคอีกด้วย สำหรับพิธีทำลายของกลางฯ ถือเป็นขั้นตอนสำคัญของการแก้ไขปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่จะต้องดำเนินการอย่างโปร่งใส สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) และเป็นไปตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศผู้ค้า นักลงทุน และเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา
ในปีนี้นับเป็นครั้งแรกที่มีการเชิญผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 90 แห่งร่วมเป็นสักขีพยานและมีส่วนร่วมในพิธีดังกล่าวผ่านทางโปรแกรม Zoom โดยได้ดำเนินการถ่ายทอดสดบรรยากาศการทำลายสินค้าละเมิดจากสถานที่ทำลายของกลางในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดสระบุรี มายังกระทรวงพาณิชย์ จังหวัดนนทบุรี
นายทศพล ทังสุบุตร อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า ในปีนี้มีของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่คดีถึงที่สุดแล้วที่จะต้องนำมาทำลายทั้งสิ้น 785,376 ชิ้น ประกอบด้วยสินค้าหลากหลายประเภท อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋า เข็มขัด รองเท้า นาฬิกา โทรศัพท์มือถือ แผ่นซีดี/วีซีดี แว่นตา เครื่องสำอาง หมวก ผ้าห่ม เป็นต้น โดยเป็นของกลางจากการจับกุมและตรวจยึดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 293,310 ชิ้น กรมศุลกากร จำนวน 285,842 ชิ้น และกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำนวน 206,224 ชิ้น คิดเป็นมูลค่าความเสียหายโดยรวมประมาณ 354 ล้านบาท
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น