"เฮงเค็ล"เผยยอดขายสุทธิเติบโตอย่างแข็งแกร่งในไตรมาสที่ 3

ดุสเซลดอร์ฟ – “แม้สภาวะเศรษฐกิจจะมีความท้าทายอย่างต่อเนื่องอันเป็นผลมาจากวิกฤตโควิด 19 แต่จากตัวเลขยอดขายเบื้องต้น เฮงเค็ลมียอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลกระทบอื่นๆ (organic sales) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งร้อยละ 3.9 ในไตรมาส 3 ยอดขายสูงถึงประมาณ 5 พันล้านยูโรและหน่วยธุรกิจทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้น” นายคาร์สเตน โนเบล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเฮงเค็ลกล่าว

“ในเทคโนโลยีกาว ธุรกิจทั้งหมดมีการฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในหน่วยธุรกิจผลิตภัณฑ์บิวตี้แคร์ ธุรกิจร้านทำผมเริ่มฟื้นตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ในขณะที่ธุรกิจค้าปลีกมียอดขายเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ด้านผลิตภัณฑ์ซักล้างและผลิตภัณฑ์ในครัวเรือนมีการเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง” นายโนเบล กล่าว

จากผลการดำเนินงานเบื้องต้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2563 เฮงเค็ลได้ให้คำแนะนำใหม่สำหรับปีงบประมาณ 2563 ภายหลังจากที่ได้ถอนคำแนะนำของทั้งปีเมื่อเดือนเมษายน 2563 เนื่องด้วยความไม่แน่นอนในระดับสูงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19

เนื่องด้วยผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในปี 2563 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะพัฒนาไปในทางลบอย่างมาก แนวโน้มใหม่นี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าความต้องการด้านอุตสาหกรรมและกิจกรรมทางธุรกิจในด้านที่มีความสำคัญกับเฮงเค็ลในไตรมาสที่ 4 จะลดต่ำลงจากปีก่อน แต่ไม่ได้ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ปัจจัยชี้ขาดในบริบทนี้คือการพัฒนาอัตราการติดเชื้อทั่วโลกในอนาคตและข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาด ในบริบทนี้ เฮงเค็ลตั้งสมมติฐานว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์ในภูมิภาคหลักที่จำเป็นสำหรับบริษัทในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 นี้



สำหรับกลุ่มบริษัทฯ เฮงเค็ลคาดว่ายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลระทบอื่นๆ (organic sales)  จะเติบโตระหว่างร้อยละ -1.0 และ -2.0 ในปี2563 แม้จะมีการควบคุมต้นทุนอย่างเข้มงวด แต่การพัฒนารายได้ทั้งปียังคงได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากด้านการขาย เนื่องจากการลดลงอย่างมากในความต้องการในธุรกิจอุตสาหกรรมและธุรกิจร้านทำผม 

รวมทั้งการลงทุนในด้านการตลาด โฆษณา ดิจัทัล และไอทีที่เพิ่มสูงขึ้น ในระดับกลุ่ม เฮงเค็ลจึงได้คาดการณ์ว่า ส่วนต่างกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (adjusted EBIT margin) จะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ 13.0 และ 13.5 ด้านกำไรต่อหุ้น (adjusted earning per preferred share or EPS) คาดว่าจะลดลงมาอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ -18 ถึง -22 ที่อัตราแลกเปลี่ยนคงที่

“การพัฒนายอดขายสุทธิที่ไม่รวมผลระทบอื่นๆ (organic sales) ในไตรมาสที่ 3 สะท้อนให้เห็นถึงพอร์ตโฟลิโอที่แข็งแกร่งและหลากหลายของเรา ด้วยแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จและเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรมสำหรับลูกค้าของเราในธุรกิจอุตสาหกรรมและสินค้าอุปโภคบริโภค เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่หน่วยธุรกิจทั้งหมดของเราพัฒนาไปในเชิงบวก ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความพยายามเป็นอย่างมากในการติดตามผลกระทบจากไตรมาสที่ 2 ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19”

“เราคาดการณ์ว่าจะได้รับผลกระทบในเชิงลบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 ในไตรมาสที่ 4 เช่นกัน แต่จากการคาดการณ์ของเราในปีนี้ เราเชื่อว่าจะไม่มีการล็อคดาวน์อย่างเข้มงวดเพิ่มขึ้นอีก จากการที่เราได้เห็นตัวอย่างจากประเทศต่างๆ ในไตรมาสที่ 2 โดยรวมแล้วเราเชื่อมั่นว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างถูกต้องด้วยการมุ่งเน้นเชิงกลยุทธ์ไปที่การเติบโตอย่างมีจุดมุ่งหมายและแข็งแกร่งขึ้นจากวิกฤต ทั้งนี้เราต้องขอบคุณพนักงานทั่วโลกที่มีความมุ่งมั่นและสนับสนุนการดำเนินงานต่างๆ เป็นอย่างมาก” นายคาร์สเตน โนเบล กล่าวสรุป









ความคิดเห็น