กรมชลประทาน.ย้ำเขื่อนขุนด่านฯ แข็งแรง รับน้ำได้เต็มศักยภาพ ไม่กระทบด้านท้ายเขื่อนแม้จะรับน้ำเกือบเต็มความจุ แต่ยังมีความมั่นคงแข็งแรงดี สามารถบริหารจัดการน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ ไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้าย ส่งผลดีแล้งหน้ามีน้ำใช้อย่างเพียงพอ
นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รักษาราชการแทนอธิบดี- กรมชลประทาน เปิดเผยถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลในเรื่องของเขื่อนขุนด่านปราการชลที่มีปริมาณน้ำเกือบเต็มความจุอ่างฯ ว่า ปัจจุบัน(10 ต.ค. 63) เขื่อนขุนด่านฯ มีปริมาณน้ำในอ่างฯประมาณ 216 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 96 ของความจุอ่างฯ มีการระบายน้ำวันละประมาณ 1.70 ล้าน ลบ.ม. ปริมาณน้ำนี้จะไหลลงสู่แม่น้ำนครนายก
โดยที่สถานีวัดน้ำ Ny.1B ต.เขานางบวช อ เมืองนครนายก เช้านี้(10 ต.ค. 63)มีปริมาณน้ำไหลผ่าน 24 ลบ.ม./วินาที (ความจุลำน้ำ 247 ลบ.ม./วินาที) หรือประมาณ 2 ล้าน ลบ.ม./วัน ต่ำกว่าตลิ่ง 4 เมตร ยังสามารถรับการระบายน้ำจากอ่างฯได้อีกประมาณ 223 ลบ.ม./วินาที หรือประมาณ 19 ล้าน ลบ.ม./วัน ซึ่งกรมชลประทาน จะควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน
สำหรับปริมาณน้ำที่เก็บกักจนเกือบเต็มความจุอ่างฯนี้ จะส่งผลดีต่อเกษตรกรและประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายก ลุ่มน้ำปราจีนบุรี และลุ่มน้ำบางปะกง ทำให้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่กำลังจะมาถึงนี้มีน้ำใช้เพื่ออุปโภคบริโภค และรักษาระบบนิเวศน์อย่างเพียงพอ อีกทั้งยังช่วยชะลอการรุกตัวของความเค็มในแม่น้ำบางปะกงได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ในส่วนของความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อนนั้น กรมชลประทาน ได้ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อน พร้อมกับมีการตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งปี อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้สั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่จากส่วนความปลอดภัยเขื่อนของกรมชลประทาน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนขุนด่านฯอย่างละเอียด
ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นได้ว่าเขื่อนขุนด่านปราการชล ยังมีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย และสามารถเก็บกักน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้านี้อย่างเต็มศักยภาพ และไม่กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอย่างแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น