ปฏิบัติการ“หมูสะอาด”ปราบปรามสารเร่งเนื้อแดง

ปศุสัตว์เดินหน้าปฏิบัติการ “หมูสะอาด” ปราบปรามสารเร่งเนื้อแดง ให้หมดจากประเทศ  ดันสร้างอาหารปลอดภัยเพื่อผู้บริโภค

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยว่า กรมปศุสัตว์มีนโยบายยกระดับมาตรฐานการผลิตและจำหน่ายเนื้อสัตว์ปลอดภัย (Food Safety) สู่ผู้บริโภค โดยเฉพาะการปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงทั้งระบบ ในสุกรและโคขุนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สารอันตรายนี้หมดไปจากประเทศ ด้วยการเดินหน้าปฏิบัติการ “หมูสะอาด” 



เป็นการดำเนินการเชิงรุกของคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสัตว์ และคณะทำงานปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกรและโคขุน ที่ทำหน้าที่วางแผนและขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน กำหนดรูปแบบการปราบปราม ทั้งการนำเข้าเคมีภัณฑ์ การลักลอบใช้ การผสมสารในอาหารสัตว์ที่โรงงานผลิตอาหารสัตว์ ที่ฟาร์ม โรงฆ่าสัตว์ และสถานที่จำหน่ายเนื้อสัตว์ 

พร้อมส่งชุดเฉพาะกิจสารวัตรกรมปศุสัตว์ และชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว บุกสุ่มตรวจสอบโรงฆ่าสัตว์และฟาร์มเลี้ยง ที่ต้องสงสัยว่าจะมีการกระทำผิดในทุกพื้นที่ทั่วไทย ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันมีการใช้สารเร่งเนื้อแดงลดน้อยลงอย่างมาก

กรมปศุสัตว์ได้เร่งปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้การใช้สารอันตรายในการเลี้ยงสัตว์ลดลงอย่างเห็นได้ชัด จากเมื่อปี 2557 พบสารเร่งเนื้อแดงในปัสสาวะสุกร ร้อยละ 3.5 ขณะที่ปี 2563 นี้ พบเพียงร้อยละ 0.1 เท่านั้น และคาดว่าไทยจะก้าวสู่การเป็น “ประเทศปลอดสารเร่งเนื้อแดง” และสามารถประกาศความสำเร็จได้ภายในปี 2564 

ขณะเดียวกัน กรมปศุสัตว์ยังมุ่งผลักดันการเลี้ยงสุกรที่ได้มาตรฐาน ทั้ง GAP ในฟาร์มขนาดใหญ่ และการยกระดับการเลี้ยงในฟาร์มขนาดเล็กสู่มาตรฐาน GFM ที่เน้นการจัดการให้มีความปลอดภัยทางชีวภาพ หรือ Biosecurity อย่างเข้มงวด




การปฏิบัติการปราบปรามการใช้สารเร่งเนื้อแดงที่ฟาร์มเลี้ยงสัตว์และโรงฆ่าสัตว์ทั่วประเทศ ใช้อำนาจพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์ พ.ศ.2559 และกฎหมายว่าด้วยการควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ.2558 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากเข้าตรวจพบการกระทำความผิด จะต้องได้รับโทษจำคุกไม่เกิน 1-3 ปี หรือปรับ 60,000-100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และอาจต้องปิดกิจการ

สำหรับผู้ที่พบเห็นการกระทำผิดโปรดแจ้งเบาะแสผ่านแอพพลิเคชั่น “DLD 4.0” เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายได้ทันที






ความคิดเห็น