"กรมชลประทาน"ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมระดมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมต่อเนื่อง
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการติดตามและวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์น้ำ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่า จากการตรวจสอบล่าสุด( 27 ก.ย. 64) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 49,111 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 25,180 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้รวมกันอีก 26,970 ล้าน ลบ.ม. เฉพาะ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์) มีปริมาณน้ำรวมกัน 11,648 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างฯรวมกัน เป็นน้ำใช้การได้ 4,952 ล้าน ลบ.ม. สามารถรับน้ำได้รวมกันอีกประมาณ 13,223 ล้าน ลบ.ม.
ส่วนสถานการณ์อุทกภัย จากฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนหลายแห่ง นั้นกรมชลประทาน ร่วมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนให้มากที่สุด ตามข้อสั่งการของรัฐบาล ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 27 ก.ย. – 2 ต.ค. 64 ร่องมรสุมจะเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคกลางตอนล่างและภาคใต้ตอนบน จะทำให้ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้
ได้กำชับให้โครงการชลประทานในพื้นที่เสี่ยง เฝ้าระวังและติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด พิจารณาพร่องน้ำในอ่างฯ ให้เป็นไปตามเกณฑ์ เพื่อเตรียมรองรับปริมาณน้ำที่อาจจะเพิ่มขึ้น โดยไม่กระทบต่อพื้นที่ท้ายอ่าง ตรวจสอบอาคารชลประทาน รวมทั้งเครื่องจักรเครื่องมือ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างเต็มศักยภาพ
นอกจากนั้นยังได้ทำการประชาสัมพันธ์สถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง เพื่อลดความตระหนกให้แก่ประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ประชาชน รับฟังข่าวสาร สถานการณ์น้ำ รวมไปถึงสภาพอากาศ จากทางหน่วยงานราชการเท่านั้น หากต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อไปยังโครงการชลประทานในพื้นที่ หรือโทร 1460 สายด่วนกรมชลประทานได้ตลอดเวลา
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น