แนะครอบครัวเซ็นเซอร์ข่าวยุค 5 จี "เด็ก-คนแก่"เหยื่อมิจฉาชีพ

ม.รังสิต"แนะสื่อยุค 5 จี คำนึงถึงผลกระทบก่อนเสนอข่าว หวั่นกระทบสังคม แนะดูแลเด็ก-คนแก่ ครอบครัวร่วมโต๊ะเซ็นเซอร์ข่าวโลกโซเชียลหวั่นเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ

ที่ศูนย์อบรมพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้จัดให้มีการเสวนา "นั่งคุยเรื่องสื่อในยุค 5G ใครๆก็เป็นสื่อคุณภาพได้"ภายใต้โครงการ"Media Mee Dee ศูนย์รวมความรู้เท่าทันสื่อบนโลกดิจิทัล" โดผศ.ดร.อานิก ทวิชาชาติ คณะวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ สาขาวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ในปัจจุบันมีคนทำงานสื่อดิจิทัลหรือโซเชียลมีเดียมากขึ้น เนื่องจากระบบการสื่อสารเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา และรวดเร็วสะดวก มากขึ้นโดยเฉพาะภาคประชาชนและนักข่าวพลเมือง 





การนำเสนอเนื้อหาเหตุการณ์รวดเร็วถือว่าเป็นสิ่งดีที่จะนำเหตุการณ์ต่าง ๆ ให้สาธารณะชนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากขึ้น แต่คนที่จะมาทำหน้าที่นี้และเรียกตนเองว่าเป็นสื่อต้องละเอียดรอบคอบ คำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ก่อนนำเสนอเพราะหากไม่มีการตรวจสอบรายละเอียดที่ชัดเจนจะทำให้เกิดผลเสียอย่างมากเพราะบางข่าว โยงไปถึงชีวิตความเป็นอยู่คนที่เป็นข่าวและผู้เกี่ยวข้องทั้งระบบในระยะยาวหรือเสียหายประเมินค่าไม่ได้

สื่อที่นำเสนอข่าวแยกออกเป็นสองส่วนคือสื่อที่มีต้นสังกัด ที่ในวันนี้ไม่น่าห่วงเพราะมีกรอบจริยธรรมชัดเจน ที่ผ่านมาสื่อหลัก ๆ มีองค์กรสื่อรวมตัวตรวจสอบได้ ก่อนให้บุคคลากรหรือผู้สื่อข่าวทำข่าว ทุกสำนักข่าวมีการฝึกอบรมเรื่องจริยธรรมที่ชัดเจนก่อนออกปฏิบัติหน้าที่





ส่วนสื่อไม่มีต้นสังกัดโดยเฉพาะสื่อออนไลน์ใหม่ ๆ ทั้ง youtube , tiktok น่าเป็นห่วงเพราะมีอิสระในการนำเสนอที่ส่วนใหญ่ไม่รู้กฏระเบียบ คนเหล่านี้ไม่ผ่านการอบรม เรื่องระบบการนำเสนอข่าว ไม่มีกรอบ กฏระเบียบ กติการทำสื่อ ทำให้การเสนอเนื้อหาที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบผู้เป็นข่าว ทำเพื่อความสะใจมากกว่า

"ขณะนี้กระแสในโลกโซเชียลเอง ก็ได้ตรวจสอบสื่อด้วยกันเองเช่นกันว่าสื่อประเภทใดเป็นสื่อน้ำดีหรือไม่ดี โดยดูจาก content ของสื่อเหล่านั้นนั่นเอง ฉะนั้นทุกคนที่ต้องการจะเป็นสื่อในยุค5Gต้องคำนึงถึงจริยธรรม ความถูกต้อง การไม่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ปัจจุบันองค์กรที่ผลิตบุคคลากรที่จะมาทำสื่อสถาบันการศึกษาหลายแห่งได้สร้างจิตสำนึก ปลูกฝัง ให้นักศึกษา ด้วยการยึดหลักจริยธรรม"

ส่วนการรับรู้สื่อของภาคประชาชนควรใช้วิจารณญาณในการรับรู้ หรือรู้เท่าทัน แยกแยะการติดตามข่าวสารหลายช่องทาง กลุ่มที่น่าเป็นห่วงคือเด็กที่ผู้ปกครองควรเข้ามาดูแลการใช้อุปกรณ์เกี่ยวกับดูสื่อเพื่อป้องกันการเสพสื่อที่ไม่เหมาะสม อีกกลุ่มที่น่าห่วงคือผู้สูงอายุ ที่อาจตกเป็นเหยื่อโดยไม่รู้ตัว หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากการโฆษณาแฝง ดังนั้นครอบครัวต้องมีระบบเซ็นเซอร์ ข่าวสารให้คนในสองกลุ่มมากขึ้น






"สุธี จันทร์แต่งผล"บรรณาธิการบริหาร เว็บไซด์เอ็มไทย กล่าวว่า การนำเสนอข่าวของสื่อควรยึดหลักความจริง ความถูกต้อง มีการกลั่นกรองข่าวสารอย่างละเอียดก่อนนำเสนอ องค์กรสื่อก็ต้องตรวจสอบบุคคลากรตนเองว่าต้องยึดความตรงไปตรงมาในการนำเสนอข่าวเพื่อไม่ให้นำอคติส่วนตัวไปเสนอข่าวสารโดยใช้สื่อองค์กรตนเองเป็นช่องทาง อีกทั้งไม่ควรนำเสนอข่าวในการสร้างสิ่งเร้าใจมากกว่าข้อเท็จจริง

ในส่วนสื่อขององค์กรตนนั้นมีกระบวนการกลั่นกรอง และตรวจสอบเน้นความถูกต้องเป็นหลักไม่เน้นความรวดเร็ว รวมถึงองค์กรอื่น ๆ ก็อาจปฏิบัติเช่นเดียวกัน แทนการนำเสนอข่าวที่รวดเร็วแต่อาจมีการผิดพลาดได้ จนมีผลกระทบในระยะยาวต่อสังคม

"อยากให้ประชาชนที่ติดตามข้อมูลข่าวสารควรใช้วิจารณญาณ โดยเฉพาะผู้ปกครองที่จะต้องดูแลบุตรหลาน ต้องให้คำแนะนำ และติดตามอย่างใกล้ชิดด้วย"

 

 

 

 

"อิทธิพัทธ์ ปิ่นระโรจน์" หัวหน้าข่าว ผู้ประกาศข่าวภาคสนาม เนชั่นทีวี 22 กล่าวว่า การนำเสนอข่าวของสื่อต้องมีวิจารณญาณคำนึงถึงผลกระทบผู้เป็นข่าว โดยเฉพาะข่าวอาชญากรรม จะโยงกับคนที่มีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะกรณีฆาตกรรม ที่อาจถูกสังคมประนาม ไปด้วยแม้ไม่ได้ก่อเหตุก็ตาม ดังนั้นสื่อต้องยึดหลักไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นด้วย

เนื่องจากปัจจุบัน การนำเสนอข่าวทางโซเชียลจะเน้นรวดเร็ว และเรียลไทม์ ส่งผลให้ละเมิดสิทธิคนอื่นโดยไม่รู้ตัว และบางครั้งทำให้เกิดความแตกแยก ฟ้องร้องในภายหลัง จึงมีคำถามว่าทำอย่างไรจะสามารถควบคุมสื่อประเภทนี้ให้ได้ สื่อเองก็ต้องมีการสอดส่องสื่อด้วยกันเองเพื่อป้องกันการละเมิด อย่างไรก็ตามที่น่าเป็นห่วงอีกประด็นคือเยาวชนที่เสพสื่ออาจมีพฤติกรรมการเลียนแบบและก่อให้ความเสียหายได้







ความคิดเห็น