ตามที่พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และชุมพร โดยได้เข้าร่วมประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ถึงแผนบริหารจัดการน้ำฤดูฝน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมสั่งการให้ทุกหน่วยงาน ให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก จนว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนภาคใต้
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า อิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ กำลังแรง ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน จนถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำตาปีเพิ่มสูงขึ้น ล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน 2 อำเภอ ได้แก่ อ. บ้านนาเดิม และ อ.พุนพิน
กรมชลประทาน ได้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 14 เครื่อง และเครื่องผลักดันน้ำอีก 52 เครื่อง เร่งระบายน้ำในแม่น้ำตาปีลงสู่ทะเลให้เร็วที่สุด ปัจจุบัน(13 ธ.ค. 64) สถานการณ์น้ำในแม่น้ำตาปี บริเวณ อ.พุนพิน มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีน้ำท่วมขังบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำบางแห่ง คาดว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู้ภาวะปกติภายใน 5 วัน หากไม่มีฝนตกหนักลงมาเพิ่ม
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บริหารจัดการน้ำและช่วยเหลือพื้นที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ด้วยการติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ จัดเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือที่พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที
รวมไปถึงประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนสถานการณ์น้ำให้ประชาชนได้รับทราบอย่างต่อเนื่องและทั่วถึง เพื่อบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด พร้อมเน้นย้ำให้ปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ วางแผนการระบายน้ำพื้นที่ชุมชนควบคู่กับการวางแผนเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้า และเร่งรัดโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับงบประมาณมาแล้วให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อบรรเทาและลดผลกระทบให้กับประชาชนให้มากและเร็วที่สุดด้วย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น