"อลงกรณ์"เผยสหกรณ์ทำธุรกรรมมากกว่าจีดีพีประเทศ หนุนเสริมทัพสร้างความเข้มแข็ง

"อลงกรณ์"เผยสหกรณ์ทำธุรกรรมมากกว่าจีดีพีของประเทศถือเป็นฐานรากพัฒนาเศรษฐกิจประเทศที่สำคัญ หนุนสหกรณ์เสริมทัพสร้างความเข้มแข็งสู่เป้าหมายให้เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี ชี้ปี 2566 จะเห็นการเปลี่ยนแปลง



นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวหลังเปิดโครงการประชุม “การขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรสู่ความเข้มแข็ง” พร้อมมอบนโยบายการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ให้แก่ข้าราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ว่า ได้มอบนโยบายการปฏิบัติราชการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 แก่กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ให้ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลด้านการเกษตรและขับเคลื่อนงานสำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตามแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติ ประเด็นการเกษตร มีเป้าหมายในการพัฒนาให้ “เกษตรกรมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้เพิ่มขึ้น” 


มุ่งเน้นให้ “เกษตรกรรวมกลุ่มกันช่วยเหลือตนเองและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในรูปแบบของการสหกรณ์” สร้างความเข้มแข็งให้แก่องค์กรของชุมชนโดยส่งเสริมให้นำแนวทาง “การตลาดนำการผลิต การส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ และการนำเทคโนโลยีการเกษตรมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิต” เพื่อลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งสร้างระบบการเงินการบัญชีที่มีเกณฑ์การตรวจสอบบัญชีตามมาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือได้ให้แก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรนำไปใช้ปฏิบัติ มีการกำหนดเกณฑ์การควบคุมภายในที่ดี การควบคุมและดูแลการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร



สำหรับนโยบายหลักที่สำคัญเน้นส่งเสริม พัฒนาและการกำกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ประกอบด้วย 1) ผลักดันให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกิจกับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมากขึ้น 2) เพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร 3) การบริหารองค์กรด้วยหลักธรรมาภิบาล และ 4) การแก้ไขข้อบกพร่องของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร นโยบายด้านการตรวจสอบทางการเงินและการบัญชี ประกอบด้วย 1) พัฒนาระบบการตรวจสอบบัญชี 2) ให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลและตรวจสอบคุณภาพการสอบบัญชีสหกรณ์ 3) พัฒนาความสามารถด้านการเงินการบัญชี และการควบคุมภายในแก่สหกรณ์ กลุ่มเกษตรกร และเกษตรกร และ 4) มุ่งพัฒนานวัตกรรม เทคโนโลยีด้านการบัญชีเพื่อให้บริการแก่สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร



อย่างไรก็ตามการทำงานในปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ได้กำชับให้บุคลากรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประสานความร่วมมือและช่วยกันทำงานเพื่อยกระดับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และสร้างความเข้มแข็งให้กับสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร และขอให้ย้ำเรื่องการดำเนินการของสหกรณ์ให้เน้นดำเนินธุรกิจตามแนวทางของสหกรณ์ที่มีสมาชิกเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนนโยบายของรัฐไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนอยู่ดี กินดีมีสุข อย่างมั่นคงและยั่งยืน 


ปัจจุบันมีสถาบันเกษตรกรจดทะเบียนเป็นสหกรณ์ จำนวน 7,690 สหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร จำนวน 4,110 แห่ง จำนวนสมาชิกรวมทั้งสิ้นกว่า 12 ล้านคน โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ร่วมกับกรมตรวจบัญชีสหกรณ์สรุปผลการจัดระดับความเข้มแข็งของสหกรณ์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 ออกเป็น 4 ระดับชั้น ประกอบด้วย สหกรณ์มีความเข้มแข็งอยู่ในระดับชั้น 1 จำนวน 1,959 สหกรณ์ ระดับชั้น 2 จำนวน 4,027 สหกรณ์ ระดับชั้น 3 จำนวน 454 สหกรณ์ และระดับชั้น 4 ซึ่งเป็นสหกรณ์ที่อยู่ระหว่างชำระบัญชีเพื่อเลิกกิจการ จำนวน 1,234 สหกรณ์


"รมว.เกษตรฯเน้นสร้างความเข้มแข็งของสหกรณ์และเกษตรกร ซึ่งบุคคลากรของกรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ต้องปรับตัว พร้อมกันนี้ได้มีการตั้งกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อป้องกันปัญหาสหกรณ์ไม่ให้ลุกลาม เพราะการพัฒนาสหกรณ์ถือเป็นฐานรากและเศรษฐกิจของประเทศ ที่สำคัญคือการขับเคลื่อนทางบัญชีสหกรณ์ มีการทำธุรกรรมธุรกิจมีมูลค่ามากกว่าจีดีพีของประเทศและในปี 2566 ที่จะถึงนี้จะเป็นปีเหตุการเปลี่ยนแปลงสหกรณ์ที่จะมีความเข้มแข็งมากขึ้น"


 



ความคิดเห็น