"หัวเว่ย"เสนอพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสงสู่ระบบ AI ON

หัวเว่ย เสนอพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสงสู่ระบบ AI ON (AI Optical Network) เพื่อการเติบโตในยุคปัญญาประดิษฐ์


บ็อบ เฉิน (Bob Chen) ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ธุรกิจออปติคอลของหัวเว่ย
ได้เสนอเกณฑ์ "5A" สำหรับเครือข่ายออปติกรุ่นใหม่ในยุคของ AI

 

ยุค AI ถูกกำหนดด้วยลักษณะ ประการ ได้แก่ การประยุกต์ใช้ AI ที่แพร่หลาย พลังการคำนวณ AI ที่เข้าถึงได้ทุกที่ และการมี AI เป็นองค์ประกอบหลักในทุกมิติ (AI-Native) แนวโน้มเหล่านี้ทำให้เครือข่ายต้องมีความสามารถในการตรวจจับประเภทบริการ จัดสรรการเชื่อมต่อที่แตกต่างกัน และมั่นใจในประสบการณ์การบริการที่มีคุณภาพสูงสุด นอกจากนี้ เครือข่ายต้องให้การเชื่อมต่อที่แน่นอน สนับสนุนการจัดสรรพลังการคำนวณที่มีความยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพ รวมถึงการนำความสามารถของ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพด้านคุณภาพของบริการและประสิทธิผลของเครือข่าย


นายเฉิน เน้นย้ำว่า ตั้งแต่เปิดตัวแนวทางพัฒนาเครือข่ายสำหรับยุค AI ในปี 2567 หัวเว่ยได้ร่วมมือกับลูกค้าทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง การพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสงรุ่นถัดไป ซึ่งเรียกว่า AI ON มีความชัดเจนยิ่งขึ้น และมีคุณสมบัติเด่นดังต่อไปนี้


·    การรับรู้: ในอดีต เครือข่ายใยแก้วนำแสงไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับรู้ประเภทของบริการ แต่ในอนาคต เครือข่ายจะต้องสามารถระบุประเภทบริการได้อย่างแม่นยำ จากรูปแบบการจราจรและทิศทางการไหลของข้อมูล จะช่วยให้เครือข่ายใยแก้วนำแสงสามารถตอบสนองต่อความต้องการด้านแบนด์วิดท์ (bandwidth) ความหน่วง (latency) และความน่าเชื่อถือ (reliability) ได้อย่างเหมาะสม เครือข่ายสามารถปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


·    พร้อมใช้งานตามความต้องการ: แตกต่างจากอดีตที่เครือข่ายใยแก้วนำแสงให้บริการเชื่อมต่อแบบไม่มีการแยกแยะ เครือข่ายใยแก้วนำแสงในอนาคตจะต้องสามารถจัดการให้บริการเชื่อมต่อที่แตกต่างและตอบสนองความต้องการบริการในเวลาจริง เช่น ผู้เล่นเกมได้รับแพ็กเกจแบนด์วิดท์ 1 Gbps ตลอด ชั่วโมง เป็นบริการตรงตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ


·       การรับประกันคุณภาพ: ในอดีต ปัจจัยต่างๆ เช่น ความหนาแน่นของเครือข่าย ความผิดปกติ หรือการขยายตัวของบริการ อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพการเชื่อมต่อ อย่างไรก็ตามในอนาคต เครือข่ายใยแก้วนำแสงต้องสามารถรับประกันการเชื่อมต่อคุณภาพสูงอย่างต่อเนื่องโดยไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงเครือข่ายหรือการผันผวนของบริการ รักษาความหน่วงที่คาดการณ์ได้และไม่มีการสูญหายของแพ็กเกจข้อมูลสำหรับทุกบริการ


·    การจัดการและบำรุงรักษาเครือข่ายอัตโนมัติ: ในอดีต การบำรุงรักษาเครือข่ายใยแก้วนำแสงดำเนินการเชิงตอบสนองหลังจากเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต เครือข่ายใยแก้วนำแสงจะต้องมีความสามารถในการตรวจจับและจัดการความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า เพื่อป้องกันผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ใช้ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงและฟื้นฟูระบบอัตโนมัติ (Self-Healing) และเพิ่มประสิทธิภาพเครือข่าย



·       AI Native: ความสามารถในการประมวลผล AI เต็มรูปแบบต้องถูกฝังในอุปกรณ์เครือข่าย อุปกรณ์ปลายทาง และระบบการจัดการทั้งหมด เพื่อเร่งการพัฒนาเครือข่ายอย่างชาญฉลาด เช่น การใช้พลังการคำนวณ AI มาใช้ใน ONT/FTTR เพื่อระบุประเภทแอปพลิเคชันและเพิ่มประสิทธิภาพของอุปกรณ์ผ่านโมเดลขนาดเล็กที่ทำงานบนอุปกรณ์ปลายทาง


นายเฉิน กล่าวปิดสุนทรพจน์ว่า AI เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมมนุษย์ มอบโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในอุตสาหกรรม ICT เช่นเดียวกับ 5A ที่เป็นมาตรฐานคุณภาพบริการสูงสุดในอุตสาหกรรมการบริการและการท่องเที่ยว การเชื่อมต่อระดับพรีเมียมจะเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่โอกาสเหล่านี้ หัวเว่ยร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมพัฒนาเครือข่ายใยแก้วนำแสง สู่ AI ON ให้บริการการเชื่อมต่อระดับ 5A และขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ในยุคของ AI

 

งาน MWC Barcelona 2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-6 มีนาคม 2568 ณ เมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ในงานนี้ หัวเว่ยได้จัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชันล่าสุดที่บูธ 1H50 ใน Fira Gran Via Hall 1


ในปี 2568 การเปิดใช้งาน 5G-Advanced เชิงพาณิชย์ ดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และ AI มีบทบาทสำคัญในการช่วยผู้ให้บริการสามารถปรับโครงสร้างธุรกิจ โครงสร้างพื้นฐาน และการดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หัวเว่ยกำลังร่วมมือกับผู้ให้บริการและพันธมิตรทั่วโลกเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่โลกแห่งความอัจฉริยะ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาเยี่ยมชม: https://carrier.huawei.com/en/events/mwc2025

ความคิดเห็น